เปรียบเทียบแบบชัด ๆ เคลือบสีรถยนต์ กับ เคลือบแก้ว แบบไหนดีกว่า

เคลือบสีรถยนต์ กับ เคลือบแก้วรถยนต์ ต่างกันอย่างไร

เคลือบสีรถยนต์ กับ เคลือบแก้ว แบบไหนดีกว่า

เราเชื่อว่าคนรักรถทุกคนล้วนแต่อยากจะให้รถคันโปรดมีสีสันสดใสเงาฉ่ำราวกับรถใหม่ที่เพิ่งออกมาจากโชว์รูม แต่ความสวยงามนั้นก็ต้องมาจาก การดูแลรักษาสีรถ อย่างถูกวิธี ซึ่งในปัจจุบันมีทั้ง “เคลือบสีรถ” และ “เคลือบแก้ว”ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก 9Autocare จึงมีวิธีการเปรียบเทียบมาให้พิจารณาว่า เคลือบสีรถกับเคลือบแก้ว แบบไหนดีกว่ากัน ต่างกันอย่างไรบ้าง

เคลือบแก้วรถยนต์

การเคลือบแก้วรถยนต์ เป็นวิธีการดูแลสีรถยนต์ที่นับว่ามีความคุ้มค่ามาก ๆ ในปัจจุบัน ช่วยปกป้องสีรถยนต์ได้อย่างยอดเยี่ยม ยาวนานเป็นปี ! เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความเงางาม แข็งแรงทนทานให้กับผิวสีรถยนต์

ซึ่งการเคลือบแก้วรถยนต์ที่นิยมในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ เคลือบแก้วรถยนต์แบบทา และ เคลือบแก้วรถยนต์แบบพ่น โดยการเคลือบแก้วทั้ง 2 แบบก็จะวิธีการ และข้อดี ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม : การเคลือบแก้วรถยนต์ คืออะไร แตกต่างจากเคลือบสีรถแบบธรรมดาอย่างไร

เคลือบสีรถยนต์

การเคลือบสีรถยนต์ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยปกป้องสีรถยนต์ได้อย่างดีไม่แพ้กับการเคลือบแก้วรถยนต์ แต่หากพูดถึงความเงางามคงสู้การเคลือบแก้วรถยนต์ไม่ได้ รถยนต์ที่ผ่านการเคลือบสีรถมารับประกันเลยว่ารถยนต์จะมีสีสันสดใส แถมยังมีส่วนช่วยป้องกันผิวสีรถจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น รังสี UV จากแสงแดด คราบฝุ่นสกปรกต่าง ๆ ฯลฯ

เปรียบเทียบความแตกต่างการเคลือบแก้ว และ การเคลือบสีรถ

ราคา

สำหรับการดูแลสีรถยนต์ด้วยตนเองนั้น ถ้าเราซื้อ น้ำยาเคลือบสีรถ ก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 300 – 1,000 กว่าบาท ส่วนน้ำยาเคลือบแก้วจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 6,000 กว่าบาท โดยแบบหลังนี้ถือว่าไม่แพงเลย หากเปรียบเทียบกับการไปเคลือบแก้วที่คาร์แคร์ แต่ถ้าพูดถึงค่าใช้จ่ายของการทำเองแล้วจะสูงกว่าการเคลือบสีรถพอสมควร

การปกป้องสีรถยนต์

การเคลือบสีรถจะช่วยปกป้องถนอมสีรถยนต์จากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ดี อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของสีรถยนต์ไม่ให้หมองเร็ว แต่การเคลือบแก้วจะเปรียบเสมือนเป็นเกราะภายนอกทำหน้าที่ปกป้องสีรถได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงยังป้องกันรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้ดีด้วย ซึ่งหากต้องเลือกคุณภาพแล้วถือว่าเคลือบแก้วทำได้ดีเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม : ลบรอยขีดข่วนรถยนต์ ด้วยตัวเอง แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องง้ออู่หรือคาร์แคร์

ความทนทานหรือระยะเวลาการใช้งาน

เมื่อเปรียบเทียบระยะเวลาความทนทานของการดูแลสีรถยนต์ทั้งสองแบบแล้ว พบว่าการเคลือบแก้วเพียง 1 ครั้ง จะอยู่ได้นานเป็นปีเพราะมีการยึดเกาะผิวสีรถยนต์ได้ยาวนานกว่าการเคลือบสีรถ แม้ว่าจะล้างรถเป็นประจำหรือโดนฝนก็ไม่หลุดง่ายนั่นเอง

ความเงางาม

ส่วนประกอบหลักๆ ของน้ำยาเคลือบสีรถส่วนใหญ่คือน้ำมัน เพราะฉะนั้นการเคลือบสีรถจะให้ความเงางามของสีที่สดฉ่ำแลดูมีชีวิตชีวาได้ดี แต่ถ้าชอบสีรถยนต์ที่เงางามราวกับกระจก ควรเลือกการดูแลสีรถยนต์ด้วยการเคลือบแก้วจะเหมาะสมมากกว่า หาไม่รู้ว่าจะซื้อ น้ำยาเคลือบสีรถ ยี่ห้อไหนดี แบบที่ใช้แล้วเห็นผลชัวร์ กด link เมื่อสักครู่เพื่ออ่านได้เลย

การป้องกันสิ่งสกปรก

ด้วยประสิทธิภาพของการเคลือบแก้วจะมีคุณสมบัติในการลดการเกาะตัวของคราบสกปรกและฝุ่นละออง ทำให้เราสามารถทำความสะอาดพื้นผิวรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ในขณะที่น้ำยาเคลือบสีรถยนต์จะไม่มีคุณสมบัตินี้ อีกทั้งยังส่งผลให้ค่อนข้างเก็บฝุ่นหรือสิ่งสกปรกมากกว่า

การเกาะตัวของหยดน้ำ

น้ำยาเคลือบแก้วจะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า “ไฮโดรโฟบิก” ที่ช่วยลดแรงเสียดทานบนผิวของรถยนต์ จึงทำให้น้ำไม่ค่อยเกาะพื้นผิวของรถเท่าไร โดยเราสามารถสังเกตจากหยดน้ำได้ว่ามีลักษณะกลมนูนเหมือนหยดน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัวแล้วไหลออกไปได้ง่าย ต่างจากการเคลือบสีรถที่ไม่มีคุณสมบัตินี้

หลังจากที่เราทราบกันแล้วว่า เคลือบสีรถยนต์ กับ เคลือบแก้ว แบบไหนดีกว่า และแตกต่างกันอย่างไร การเคลือบสีรถอาจจะเป็นคำตอบของผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และมีเวลาดูแลรถยนต์บ่อยๆ แต่หากต้องการปกป้องสีรถยนต์ด้วยประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยม โดยไม่ต้องการเสียเวลาบ่อยๆ จะเหมาะกับการเคลือบแก้วมากที่สุดค่ะ

-------
ติดต่อเราผ่านช่องทางด้านล่างได้เลย 😊
Line : @99Autocare
Facebook : 99Autocare
โทรติดต่อ : 080-496-4654
คลิกดูสินค้าอื่น ๆ : www.9autocare.com/shop
คลิกดูช่องทางติดต่ออื่น ๆ : www.9autocare.com/contact-us

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น