3 วิธีการ ดูแลรถช่วงหน้าฝน แบบง่าย ๆ ถ้าไม่อยากเสี่ยงสีรถพังต้องอ่าน !

ดูแลระหน้าฝน ดุแลสีรถยนต์ช่วงหน้าฝน

ดูแลรถหน้าฝน

ในการเดินทางช่วงที่ฝนตกหนัก หรือ ช่วงหน้าฝนไม่ว่าจะเป็นในเวลากลางวัน หรือเวลากลางคืนก็ตาม นอกจากผู้ใช้รถยนต์จะพบปัญหารำคาญใจแล้ว การดูแลรถหน้าฝน ยังถือว่ายุ่งยากกว่าฤดูอื่นๆ จนเกิดความเชื่อผิด ๆ ที่ว่ารอฤดูฝนซาแล้วค่อยล้างรถเลยทีเดียว ขับรถตอนฝนตก คงไม่เป็นอะไรไม่ต้องไปดูแลมันมากหรอก บอกเลยค่ะว่าความเข้าใจที่ผิดมหันต์ต่อสีรถเลยทีเดียว และยังเป็นผลเสียต่อระบบภายในรถยนต์อีกด้วย ดังนั้น..เราจึงมีวิธีดูแลรถช่วงหน้าฝนมาแนะนำดังนี้ค่ะ

วิธีการดูแลรถรักษารถยนต์เมื่อตองขับรถตอนฝนตก

1. ห้ามเช็ดรถทันทีหลังขับรถตอนฝนตก

หลังจากที่ขับรถตอนฝนตกจนกลับถึงบ้านแล้ว ส่วนใหญ่มักจะมองในแง่ดีว่าเป็นการล้างรถไปในตัว จากนั้นจึงใช้ผ้านำมาเช็ดรถทันที ซึ่งเป็นการดูแลรักษารถยนต์ในช่วงหน้าฝนที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ! แถมยังเป็น การดูแลรักษาสีรถ ที่ผิดวิธีอีกด้วยค่ะ

เนื่องจากขณะที่เรากำลังขับรถลุยฝนกลับมา อาจจะมีโคลน เศษใบไม้ หรือเศษกรวดติดรถมาด้วย หากเราไม่รู้จักวิธีทำความสะอาดเช็ดรถหลังฝนตกอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้เศษสิ่งสกปรกเหล่านั้นขูดขีดจนรถยนต์เป็นรอยได้ ทำให้อาจจะต้องเสียเวลาลบรอยขีดข่วนรถยนต์ก็เป็นได้ค่ะ

อ่านเพิ่มเติม : ลบรอยขีดข่วนรถยนต์ ด้วยตัวเอง แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องง้ออู่หรือคาร์แคร์

2. ควรล้างรถทำความสะอาดทันทีหลังฝนตก

รถโดนฝนต้องล้างไหม ? หลังจากขับรถลุยฝนมาแล้ว เจ้าของรถยนต์ควรดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝนด้วยการล้างทำความสะอาดรถอย่างถูกวิธีทันที พร้อมกับใช้ น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ หรือ เคลือบแก้วรถยนต์อีกชั้นด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำเกาะตัวบริเวณรถมากนัก สามารถดู วิธีล้างรถที่ถูกต้อง ได้เลยที่คลิปด้านบนค่ะ

แต่ไม่ควรล้างรถในช่วงเวลาเย็นหรือตอนค่ำ และควรใช้ผ้าคลุมรถหลังจากที่ล้างรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากจอดรถกลางแจ้งให้เลือกใช้ผ้าคลุมรถแบบกันน้ำเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม : เคลือบแก้วรถยนต์ แบบไหนดีที่สุด ราคาแพงหรือไม่ ที่นี่มีคำตอบ !

3. ตรวจสอบระบบต่างๆ ภายในรถ

ขณะที่เรากำลัง ขับรถตากฝน ก็อาจจะต้องเจอกับน้ำท่วมขังบนพื้นถนนบางจุด ดังนั้น.. จึงควร ดูแลรถหน้าฝน โดยการตรวจเช็คอุปกรณ์และระบบต่างๆ โดยเฉพาะตัวกรองอากาศที่จะมีอายุการใช้งานสั้นลง เนื่องจากต้องกรองอากาศจากเศษต่างๆ ที่มากับน้ำฝน โดยจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็คหลังขับรถตากฝน คือ

  • ตรวจเช็คมอเตอร์สตาร์ท บิดกุญแจสตาร์ทรถแล้วสังเกตว่ามอเตอร์สตาร์ททำงานช้าลงหรือไม่ เพราะอาจเกิดจากน้ำฝนเป็นสาเหตุ จากนั้นให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการถอดมอเตอร์สตาร์ทออกมาเพื่อทำความสะอาด
  • ตรวจเช็คของเหลวทั้งหมด การดูแลรักษารถที่ดีควรหมั่นสังเกตสีของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเฟืองท้าย หรือน้ำมันเกียร์ว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบว่ามีสีลักษณะคล้ายสีของชาเย็นก็อาจจะมีน้ำเข้าไปปะปน เพราะฉะนั้นควรรีบเปลี่ยนถ่ายของเหลวหรือระบบหล่อลื่นโดยทันที
  • ตรวจเช็คลูกปืนล้อ เวลาที่เราขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขังสูงๆ หรือจอดรถแช่น้ำนานๆ อาจทำให้จาระบีที่เป็นตัวหล่อลื่นของลูกปืนล้อถูกชะล้างออกไปได้ ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ลูกปืนมีอาการดังจนกระทั่งลูกปืนล้อแตกในที่สุด
  • ตรวจเช็คการซึมของน้ำ ให้เปิดแผ่นยางรองพื้นตรวจดูว่ามีคราบน้ำหรือน้ำซึมเข้ามาบ้างหรือไม่ ในกรณีที่ขับรถยนต์ผ่านจุดน้ำท่วมขังลึกๆ จากนั้นรื้อพรมและยางปูพื้นรถออกทั้งหมดแล้วเช็ดเป่าให้แห้งสนิท เพื่อช่วยดูแลรักษารถยนต์จากการป้องกันคราบชื้นแฉะ จนเป็นเชื้อรา และมีกลิ่นเหม็นอับ

การดูแลรถหน้าฝน จากการตรวจเช็คเบื้องต้นนั้น เราสามารถทำด้วยตัวเองได้บ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาความเสียหายก่อน ซึ่งเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานยิ่งขึ้น และทำให้สามารถใช้รถได้อย่างปลอดภัยไร้ความกังวลอีกด้วยค่ะ

-------
ติดต่อเราผ่านช่องทางด้านล่างได้เลย 😊
Line : @99Autocare
Facebook : 99Autocare
โทรติดต่อ : 080-496-4654
คลิกดูสินค้าอื่น ๆ : www.9autocare.com/shop
คลิกดูช่องทางติดต่ออื่น ๆ : www.9autocare.com/contact-us

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น